สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เชื้อโควิด-19 ระบาดไปทั่วโลก เป็นเพราะเชื้อนี้ติดต่อกันง่าย ผ่านพฤติกรรมที่เลี่ยงได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นการไอจาม พูดคุย หรือสัมผัสใกล้ชิดกัน ถึงขนาดทำให้หลายประเทศต้องเลิกพฤติกรรมบางอย่างที่มีกันมาช้านาน ไม่ว่าจะเป็นการจับมือ กอด หรือหอมแก้ม รวมไปถึงการรณรงค์ให้ทุกคนอยู่บ้าน เพื่อลดการแพร่เชื้อ ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นแนวทางที่ทั่วโลกใช้ ซึ่งเรียกว่า การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)
หลายคนเปรียบเปรยว่าตอนนี้โลกของเรากำลังเผชิญกับสงครามโรค แต่ต่างกันตรงที่สงครามครั้งนี้ผู้ที่อยู่ด่านหน้าไม่ใช่ทหาร หากเป็นบุคลากรทางการแพทย์ และศัตรูคราวนี้ก็ไม่ใช่มนุษย์ฝั่งตรงข้าม หากเป็นกองทัพเชื้อโรคที่กำลังล้อมเข้ามาโดยเรามองไม่เห็น
ตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคอุบัติใหม่ สังคมไทยเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ติดกันได้อย่างไร ป้องกันอย่างไร เราเป็นหรือยัง เป็นแล้วต้องทำอย่างไรดี สารพัดข้อสงสัยที่เกิดขึ้นแทบทุกวัน และเมื่อไม่มีคำตอบ หรือได้คำตอบที่ไม่ถูกต้อง ก็ยิ่งทำให้เกิดความวิตกกังวล จนอาจไปถึงขั้นตื่นตระหนก
ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา( COVID-19) นอกจาการสวมใส่หน้ากากอนามัย การอยู่ห่างกับคนรอบข้างอย่างน้อย 1-2 เมตรแล้ว การล้างมือบ่อยๆ ก็เป็นวิธีที่ง่าย ช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ และยังช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อได้อีกด้วย
ใครๆ ก็รู้ว่า การมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่พอเป็นเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นกลับเป็นเรื่องทำใจยากของใครหลายคน ซึ่งความกังวลเหล่านี้เป็นเรื่องเข้าใจได้ อย่างไรก็ตาม การห้ามหรือคอยไปเฝ้าจับตามองวัยรุ่นที่มีฮอร์โมนพลุ่งพล่านตลอดเวลาก็คงเป็นไปได้ยาก ซ้ำร้ายจะกลับกลายเป็นการปิดโอกาสในการพูดคุย และให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่วัยรุ่น ซึ่งอาจทำให้มีปัญหาตามมาคือ วัยรุ่นจำนวนหนึ่งตัดสินใจลองผิดลองถูก หรือเลือกรับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง จนก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์