หากคุณเป็นพ่อหรือแม่ที่ยอมออกไปสูบบุหรี่นอกบ้าน ที่ระเบียง หรือในสวน เพราะไม่อยากให้ควันบุหรี่ไปกวนลูก ขอให้หยุดอ่านตรงนี้ เพราะเราอยากบอกว่า ความห่วงใยเหล่านั้นยังไม่เพียงพอ และคุณอาจกำลังทำร้ายลูกรักโดยไม่รู้ตัว
เนื่องจากควันจากบุหรี่ไม่ได้มีเพียงควันที่คนสูบสูดเข้าไปในร่างกาย แต่ยังมี “ควันบุรี่มือสอง” ที่ผู้สูบบุหรี่สูดเข้าไปและหายใจออกมารวมถึงควันจากปลายมวนบุหรี่ที่จุดไฟที่ลอยอยู่ในอากาศในขณะที่ไม่มีการสูบ ซึ่งควันบุหรี่มือสองนี้เอง ที่ยังคุมคามไปถึงลูก แม้คุณจะพยายามออกมาสูบให้ห่างจากลูก
จากสถิติที่น่าตกใจ โดยการสำรวจขององค์การอนามัยโลกร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ในปี 2558 พบว่า เด็กนักเรียนไทย 1 ใน 3 ได้รับควันบุหรี่มือสองจากที่บ้าน โดยควันบุหรี่มือสองมีปริมาณนิโคติน และสารเคมีอันตรายไม่ต่างกับที่ผู้สูบบุหรี่สูดเข้าไปเอง แถมยังมีส่วนประกอบของสารประกอบเคมีมากกว่า 7,000 ตัว ซึ่งมากกว่า 250 ชนิดมีอันตราย และ อีกกว่า 50 ชนิดเป็นสารก่อให้เกิดมะเร็ง
ความน่าสะพรึงกลัวอีกอย่างที่พ่อแม่หลายคนอาจยังไม่รู้ คือ สารพิษจากควันบุหรี่อาจเกาะติดตามข้าวของภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นผนัง โซฟา หรือพรม ซึ่งสารพิษเหล่านี้สามารถคงค้างอยู่ได้หลายเดือน แม้ว่าจะมีการทำความสะอาดบ้าน หรือทาสีใหม่ก็ตาม บ้านก็ยังเปรียบเสมือนกับเป็นแหล่งกักเก็บสารพิษจากควันบุหรี่ที่พร้อมจะทำอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยโดยไม่รู้ตัว
นอกจากนี้ มีงานวิจัยที่บ่งชี้ว่า ครอบครัวที่พ่อแม่สูบบุหรี่ บนมือของลูกจะมีสารนิโคตินติดอยู่ แม้พ่อแม่จะไม่ได้สูบบุหรี่ใกล้ตัวลูกก็ตาม เพราะนิโคตินจากบุหรี่มักติดอยู่ตามสิ่งของ เสื้อผ้า หรือพื้นผิวของเครื่องเรือนภายในบ้าน เด็กๆ มักจะคลำ แตะ ลูบสิ่งของต่างๆ และเอานิ้วเข้าปาก ซึ่งหมายความว่า เด็กเหล่านั้นกำลังหยิบสารพิษเข้าปากนั่นเอง
สารนิโคตินที่ลูกรับเข้าไปจะสามารถแพร่ถึงสมองได้ภายในเวลาเพียง 7 วินาที ซึ่งสมองส่วนที่ได้รับผลกระทบจากนิโคตินอย่างมาก คือสมองส่วนคอร์เทกซ์กลีบหน้าผากส่วนหน้า (prefrontal cortex) ซึ่งมีหน้าที่วางแผนหรือโปรแกรมพฤติกรรมเกี่ยวกับการรับรู้ที่ซับซ้อน เกี่ยวข้องกับบุคลิก การตัดสินใจ และการควบคุมประพฤติที่เกี่ยวข้องกับสังคม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญต่อพัฒนาการของลูก
อีกเหตุผลที่พ่อแม่ไม่ควรสูบบุหรี่ก็คือ ลูกจะมีแนวโน้มสูบบุหรี่ตามพ่อแม่เมื่อโตขึ้น โดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อการสูบบุหรี่ของวัยรุ่น ซึ่งชี้ว่า บ้านที่มีการสูบบุหรี่ในบ้าน เด็กวัยรุ่นจะมีแนวโน้มที่จะสูบบุหรี่ถึง 3 เท่า และมีการวิจัยพบว่า วัยรุ่นที่มาจากครอบครัวที่ไม่มีการสูบบุหรี่ในบ้าน ระบุว่าจะไม่สูบบุหรี่แน่นอนในอนาคต ถึงร้อยละ 79
คำว่า “บ้าน” ในความรู้สึกของลูกทุกคนคือ สถานที่ที่ปลอดภัย เพราะในบ้านมีพ่อแม่ที่คอยดูแลปกป้องให้พวกเขามีสุขภาพแข็งแรง มีอนาคตที่ดี แต่บางครั้งเพียงความชะล่าใจ หรือความไม่รู้ของพ่อแม่อาจทำให้บ้านกลายเป็นสถานที่อันตรายที่ลูกต้องเผชิญภัยร้ายจากบุหรี่ตามลำพัง ดังนั้นหากเลิกบุหรี่เสียแต่วันนี้ ไม่เพียงเป็นการรักษาสุขภาพของตนเองจะได้อยู่ดูแลลูกไปนาน ๆ แต่ที่สำคัญยังเป็นการสร้างบ้านทีปลอดภัยสำหรับลูกอย่างแท้จริงอีกด้วย
หากคุณอยากเลิกบุหรี่เพื่อคนที่คุณรัก สามารถโทร.ปรึกษาขอคำแนะนำและข้อมูลฟรีได้ที่ 1600 หรือ www.thailandquitline.or.th/site/
https://www.sciencenewsforstudents.org/article/explainer-nico-teen-brain
https://www.sciencedaily.com/releases/2017/04/170406105746.htm
https://news.nationalgeographic.com/news/2014/03/140320-thirdhand-smoke-cigarettes-cancer/